{وَأَحْسِنُوَاْ إِنَّ اللّهَ يُحِبُّ الْمُحْسِنِينَ }

ความว่า และจงทำดีเถิด แท้จริงอัลลอฮฺ นั้นทรงชอบผู้กระทำดีทั้งหลาย (อัลบะเกาะเราะฮฺ : 195)




8/19/2554

เรื่องเล่าจากแดนไกล (ซูดาน) กับการเดินทางศึกษาต่อ ตอนที่ 1

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

ก่อนอื่นต้องขอกล่าวว่า “อัลหัมดุลิลละฮฺ” ที่อัลลอฮฺ (สุบหฺฯ) ทรงตอบรับดุอาอฺและทรงประทานโอกาสให้ผมได้มาเรียนรู้ประสบการณ์จริงในการเดินทางศึกษาและใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ถูกรู้จักกันว่าเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนมาก (ซูดาน) และทรงประทานเวลาว่างให้ผมได้เขียนบทความสั้นๆ ที่ช่วยบรรเทาความรู้สึกคิดถึงบ้านและกำลังใจจากเพื่อนๆ และพี่น้อง หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ (เบื้องต้น)ให้กับนักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจข้อมูลจากประสบการณ์ในแดนแอฟริกานี้ ได้เตรียมพร้อมตนเอง

ครับ... เรามาพูดถึงจุดเด่นของที่นี้ก่อนเลยครับ นั่นคือ “สภาพอากาศที่ร้อน” ความจริงแล้วมันก็ร้อนครับ แต่ก็ไม่ใช่ทุกพื้นที่ของประเทศ เพราะบางจังหวัดก็มีฝนตกและก็ไม่ร้อนมาก (ยกเว้น อัลคุรฏูม ที่อเมซิ่งที่สุด และเป็นเมืองหลวงที่มีนักศึกษาไทยอยู่มากที่สุดครับ) คุณจะได้พบสภาพอากาศที่หลากหลายในวันเดียวกัน เช่น กลางคืนหนาว เช้าอากาศสดใส สายๆพายุฝุ่นเข้า บางทีฝนก็ตกซะงั้น ตกบ่ายร้อนจัด ประมาณ 40 องศาฯ ขึ้นไป

ความร้อนที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี้ช่วยให้ผ้าที่คุณตากแห้งได้ภายในไม่เกินหนึ่งชั่วโมง (วันที่ร้อนจัดอาจน้อยกว่านี้ การอยู่ในห้องดีกว่าการรับลมนอกห้องและจะดีกว่าการหลบร้อนใต้ต้นไม้ เพราะความร้อนที่นี้มีลมสนับสนุนด้วยครับ) ขอย้ำเลยว่า ถ้าคุณคิดถึงครีมกันแดด คุณคิดผิดแล้วเพราะไม่แน่จะยิ่งเลวร้ายให้ผิวของคุณไหม้ไปเลยก็ได้ เพราะค่าการป้องกันรังสียูวีของไทยเราสู้ไม่ไหวหรอกครับ เพราะเขาร้อนกันชนิดที่ไร้เหงื่อ ร้อนจนรู้สึกว่าหนาวไปเลย

มันน่า อเมซิ่งไหมครับ แต่อย่ากลัวไป ซูดานก็มีฤดูหนาวเหมือนกัน (ผมยังไม่ได้สัมผัสหนาวเลยครับ แต่ได้ยินแล้วว่าคุณอาจไม่อาบน้ำเป็นอาทิตย์เพราะมันหนาว ด้วยลมหนาวจริงๆ) ประเทศนี้ลมแรงครับ มีทั้งลมร้อน ลมหนาว และลมฝุ่น (เรียกได้ว่ามาครั้งหนึ่งก็เหมือนฝนตกบ้านเรานะครับ แบบไม่ยอมหยุดเลยก็มี แต่ข้อดีคือหลังจากฝุ่นหมดคุณจะพบกับอากาศใหม่ให้คุณเดาและเตรียมร่างกายไว้เลย ว่าคุณจะเจออากาศหนาวหรือร้อน แต่ข้อเสีย คือ อย่าลืมเก็บเสื้อผ้าก่อนฝุ่นมาหรือปิดห้องให้มิดชิดไม่งั้นคุณจะต้องเสียใจ)

จากข้อมูลที่ได้สัมภาษณ์เพื่อนที่ร่วมชั้นเรียน (คนซูดานหลายๆ คน) ก็ได้ข้อมูลคร่าวๆ มาฝากว่า ประเทศซูดานมีพื้นที่หลังจากการแบ่งแยกทิศไต้ (ด้วยการลงประมติแบ่งประเทศเป็น ซูดานใต้ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์) ออกไป แต่เดิมมีทั้งหมด26 จังหวัด ปัจจุบันเหลือ 15 จังหวัด มีพื้นที่รวมทั้งสิ้นหลังจากการแบ่งประเทศไปแล้ว 33,419,625 ตารางกิโลเมตร ประชากรเกือบทั้งประเทศเป็นมุสลิม คิดเป็น ร้อยละ 99.7 ของประชากรทั้งประเทศ (เรียกได้ว่าประเทศมุสลิมเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์)

นี่แหละครับที่บ้านเรายังไม่มี และเป็นสิ่งที่คุณต้องมาสัมผัส เพราะที่นี้เขาจะนอนกันนอกบ้านกันส่วนใหญ่ บางคนจอดรถนอนข้างทาง หรือไม่ก็ตั้งเตียง ปูเสื้อ กันนอนได้ตามท้องถนนหรือหน้าบ้าน เพราะคดีอาญชญากรรม (ไม่มีเลย นอกจากจะมีของหายบ้างถ้าไม่ระวัง) ประเทศนี้คุณสามารถละหมาดได้ทุกที่ตามข้างทาง และสามารถละศิลอดได้โดยไม่ต้องรู้จักกัน (เพราะรถประจำทางจะไม่ไปต่อหรอกครับ นอกจากจะจอดแล้วให้ทุกคนลงละศิลอดข้างทางซึ่งมีการเลี้ยงกระจายเป็นกลุ่มตามข้างทาง ฟรีแบบไม่ต้องรู้จักกัน แล้วค่อยไปต่อหลังจากละหมาดญะมาอะฮฺ มัฆริบ ร่วมกันเสร็จแล้ว) และอีกมากมายที่น่าประทับใจกับน้ำใจ ความจริงใจ และจริงจังของคนซูดานที่ไม่สามารถเล่าให้ฟังหมดได้วันเดียว

ทีนี้เรามาพูดถึงขั้นตอนการเตรียมตัวมาศึกษาที่ซูดานกันบ้างครับ สิ่งแรกที่สำคัญมากต้องเตรียม คือ “ใจ” คุณต้องมั่นใจว่าคุณจะอยู่ได้กับคนมากมายหลากหลายนิสัย (แบบแอฟริกาที่คุณจะไม่ลืมไปเลย) สอง “ร่างกาย” ต้องออกกำลังกายให้พร้อมต่อสภาพอากาศที่นี้ให้ได้ ไม่งั้นคุณอาจต้องเป็นไข้เป็นอาทิตย์เมื่อมาถึงโดยเฉพาะเรื่องความห่างเวลาที่ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง (จากการสอบถามพบว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซูดาน ประกาศให้ปรับนาฬิกาเร็วขึ้นกว่าเดิม 1 ชั่วโมง กลายเป็นตามไทย 4 ชั่วโมงในปัจจุบัน แต่ความจริงก็ คือยังช้ากว่า 5 ชั่วโมง เช่น ซูดานเข้ามัฆริบเวลา 7.20 pm. ตรงกับเวลาไทยเวลา 11.20 pm. ซึ่งถ้าดูเวลาเข้ามัฆริบของไทยแล้วจะพบว่า เข้าเวลา 6.20 pm. โดยเวลาซูดานจะเข้ามัฆริบช้ากว่าไปหนึ่งชั่วโมง)

และสาม “เอกสาร” เพื่อส่งมาให้พี่น้องทางนี้ช่วยดำเนินการประสานเรื่องขอทุนหรือสมัครตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อให้ได้ใบตอบรับ (เกาะบูล) และจะได้รับการอณุญาตเดินทางมาซูดาน เอกสารสำคัญต่างๆต้องมีตราโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยปั้มด้วยยิ่งดีที่สุด ที่นี้เขาชอบแบบนั้น (ยกเว้น พาสปอร์ตและรูปถ่ายไม่ต้องปั้มตรานะครับ) ได้แก่

1. พาสปอร์ต

2. ใบเกิดแปลภาษาอาหรับ (ปั้มตราสถานที่แปลที่น่าเชื่อถือด้วยครับ)

3. ใบแสดงรับรองการจบการศึกษา (ถ้าไม่ใช่อาหรับแปลภาษาอาหรับ)

4. ใบแสดงผลการศึกษา (เกรดหรือคะแนนรายวิชาต่างๆ) (ถ้าไม่ใช่อาหรับแปลภาษาอาหรับ แต่บางมหาวิทยาลัยอาจรับภาษาอังกฤษได้)

5. ใบรับรองความประพฤติจากสถานศึกษา (ถ้าไม่ใช่อาหรับแปลภาษาอาหรับ แต่บางมหาวิทยาลัยอาจรับภาษาอังกฤษได้)

6. รูปถ่าย (บางมหาวิทยาลัยเอาครับ)

7. ใบรับรองอื่นๆ จากบางมหาวิทยาลัย (เพื่อให้เอกสารตอบรับง่ายขึ้น เช่น ความประพฤติ หรือประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับสาขานั้น เป็นภาษาอาหรับ)

หลังจากที่คุณได้รับใบตอบรับจากมหาวิทยาลัยในซูดานแล้ว ต้องรีบดำเนินการเรื่อง วีซ่า การปั้มตรารับรองเอกสารภาษาอาหรับจาก สนง.จุฬาราชมนตรี และการรับรองเอกสารจากกงสุล ระหว่างประเทศ การจองตั๋วเครื่องบิน และของเครื่องใช้ที่จำเป็น ซึ่งยังไงแล้วค่อยติดตามกันวันหลังครับ

สุดท้ายนี้ผู้เขียนต้องขอบคุณและขอดุอาอฺจากอัลลอฮฺ (สุบหฺ)ทรงประทานความสำเร็จแก่บรรดาผู้ที่ให้การช่วยเหลือและสนับสนุนให้ผู้เขียนได้มีวันนี้ (ผู้เขียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในซูดาน) ให้พวกเขาได้รับความสำเร็จตามความหวังและความตั้งใจตามสิ่งปรารถนา อินชาอัลลอฮฺ หวังว่าคงได้มีโอกาสเขียน เรื่องเล่าจากแดนไกล (ซูดาน) กับการเดินทางศึกษาต่อ ซึ่ง จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยและให้ผู้อ่านติดตามกัน ในโอกาสหน้าต่อไป...วัสลาม

(4.12 pm.-sudan =8.12 pm.-thai)


1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ4/9/56 12:36

    ผมชอบการดำเนินชีวิตของคนซูดาน และหวังว่า อัลลอฮ จะประทานให้ผม
    ได้สัมผัสวิธีชีวิตแบบนี้ อามีน....

    ............saifu....................

    ตอบลบ