السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิแด่ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก
องค์ประกอบที่สามของมนุษย์คือร่างกาย ซึ่งต้องได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการมีจิตวิญญาณอิสลาม การมีสติปัญญาไตร่ตรองในเรื่องต่าง ๆ ผลต่อพัฒนาการของทั้งสอง ไม่ว่าจะเป็นการเติบโต หรือเสื่อมเสียสมดุล ล้วนได้รับอิทธิพลจากร่างกายทั้งสิ้น
ผู้นำที่ดีจึงต้องเข้าใจให้ดีว่า มนุษย์มีความต้องการเรื่องอุปโภคและบริโภค และแสวงหาปัจจัยต่างๆ เพื่อดำรงชีวิตไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ซึ่งจะต้องให้สอดคล้องกับแนวทางที่พระองค์ทรงสั่งใช้ ไว้ในอัลกุรอานซูเราะห์อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะห์ 168 ว่า
** يَا أَيُّهَا النَّاسُ كُلُواْ مِمَّا فِي الأَرْضِ حَلاَلاً طَيِّبا وَلاَ تَتَّبِعُواْ خُطُوَاتِ الشَّيْطَانِ إِنَّهُ لَكُمْ عَدُوٌّ مُّبِين **
ความว่า : “โอ้มนุษย์เอ๋ย เจ้าทั้งหลายจงบริโภคสิ่งอนุมัติที่ดีๆ จากสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน และจงอย่าตามบรรดาก้าวเดินของชัยฏอน แท้จริงมันคือศัตรูที่ชัดแจ้งของพวกเจ้า”
อิสลามตระหนักดี และให้การสนับสนุนเรื่องนี้ โดยเฉพาะผู้นำที่ดีจะต้องมีความยุติธรรมต่อสมาชิก ส่งเสริมให้สมาชิกสนใจในสุขภาวะของตนเอง เพื่อให้มีพลังในการดำเนินงาน ดังที่ท่านอิหม่ามมุสลิมได้รายงานไว้ว่าท่านเราะสูล กล่าวว่าไว้
(( المؤمن القوي خير وأحب إلي الله من المؤمن الضعيف ))
ความว่า : “ผู้ศรัทธาที่แข็งแรงคือผู้ที่ประเสริฐและเป็นที่รักยิ่งของอัลเลาะห์ (ซุบหฯ) มากกว่าผู้ศรัทธาที่อ่อนแอ”
ดังนั้นการเป็นผู้นำที่สามารถเข้าใจความเป็นตัวตนของมนุษย์ได้นั้น ถือได้ว่าเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จในการบริหารองค์กรแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือคือการศึกษาค้นคว้า และใฝ่เรียนรู้ เพราะผู้นำที่ดีจะต้องไม่หยุดอยู่กับที่ พร้อมที่จะพัฒนาตัวเอง พัฒนาทักษะการบริหารและการจัดการ และพร้อมที่จะรับประสบการณ์อยู่ตลอดเวลา ...
Ahmad Abideen Imran Abdulkareem Ishaq
{وَأَحْسِنُوَاْ إِنَّ اللّهَ يُحِبُّ الْمُحْسِنِينَ }
ความว่า “และจงทำดีเถิด แท้จริงอัลลอฮฺ นั้นทรงชอบผู้กระทำดีทั้งหลาย” (อัลบะเกาะเราะฮฺ : 195)
2/23/2553
2/10/2553
ผู้นำในอุดมคติ...ผู้นำผู้เข้าใจตัวตนมนุษย์ (ตอนที่ 2)
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิแด่ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก
เมื่อผู้นำสามารถสร้างจิตวิญญาณของสมาชิกเป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้ว สิ่งที่ผู้นำต้องเข้าใจลำดับต่อมา ก็คือ สติปัญญา สติปัญญาเป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่งที่อัลเลาะห์ (ซุบหานฮูวะตะอาลา) มอบให้กับมวลมนุษย์ การให้มีสติปัญญาทำให้มนุษย์แตกต่างไปจากสัตว์ สามารถค้นหา ค้นคว้า และคิดประดิษฐ์ สิ่งใหม่ๆมากมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชีวิต ผู้นำที่ดีจึงจำเป็นต้องเข้าใจในความสำคัญของสติปัญญา
สติปัญญาคือแหล่งข้อมูล หรือแหล่งความรู้ที่จะทำให้องค์กรเกิดการความก้าวหน้าและพัฒนา ผู้นำที่ดีต้องสามารถสร้างองค์กรให้เป็นองค์ความรู้ ด้วยการพัฒนาสมาชิกให้มีความรู้ในด้านต่างๆ อาจจะด้วยวิธีการมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้นำจะต้องเข้าใจ คือสติปัญญาเป็นองค์ประกอบหนึ่งของตัวตนมนุษย์ ดังนั้นจำเป็นที่ผู้นำจะต้องให้เกียรติ และเคารพในความคิดของเพื่อนสมาชิก จะด้วยวิธีการรับฟังและวปฏิบัติตามข้อเสนอแนะ หรือสร้างบรรยากาศการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในองค์กร
อัลเลาะห์ (ซุบหานฮูวะตะอาลา) ได้ทรงสั่งกำชับให้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ พระองค์ทรงวางรูปแบบและชี้นำ ยิ่งไปกว่านั้นทรงเลือกให้เป็นบทหนึ่งของอัลกุรอาน นั่นก็คือบทที่ว่าด้วยการปรึกษาหารือ
“ อัช-ชูรอ” และตัวอย่างหนึ่งที่ปรากฏในอายะฮฺ 159 ของ ซูเราะห์อาละ-อิมรอน ที่ว่า
( وَشَاوِرْهُمْ فِي الأَمْرِ فَإِذَا عَزَمْتَ فَتَوَكَّلْ عَلَى اللّهِ إِنَّ اللّهَ يُحِبُّ الْمُتَوَكِّلِينَ )
ความว่า : “และจงปรึกษาหารือกับพวกเขาในกิจการทั้งหลาย ดังนั้นเมื่อเจ้าเกิดความแน่วแน่มั่นใจ ก็จงมอบหมายมันต่ออัลเลาะห์ แท้จริงพระองค์ทรงรักบรรดาผู้ที่ให้การหมอบหมาย”
ดังนั้นผู้นำต้องเข้าใจว่าอิสลามได้ให้มนุษย์มีสิทธิเสรีภาพทางความคิด แต่ต้องอยู่ภายในขอบเขต ซึ่งไม่ผิดต่อหลักการทั้งสองของศาสนา คือ คัมภีร์อัลกุรอาน และวัจนะของท่านเราะสูล (ศ็อลฯ) ทั้งสองคือมรดกอันล้ำค่าที่สุดที่มีอยู่ในประชาชาติยุคนี้ และเป็นพื้นฐานแรกในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เหตุนี้เองสติปัญญาของมนุษย์ ถือได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งที่ผู้นำตระหนักและทำความเข้าใจให้ดี
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิแด่ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก
เมื่อผู้นำสามารถสร้างจิตวิญญาณของสมาชิกเป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้ว สิ่งที่ผู้นำต้องเข้าใจลำดับต่อมา ก็คือ สติปัญญา สติปัญญาเป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่งที่อัลเลาะห์ (ซุบหานฮูวะตะอาลา) มอบให้กับมวลมนุษย์ การให้มีสติปัญญาทำให้มนุษย์แตกต่างไปจากสัตว์ สามารถค้นหา ค้นคว้า และคิดประดิษฐ์ สิ่งใหม่ๆมากมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชีวิต ผู้นำที่ดีจึงจำเป็นต้องเข้าใจในความสำคัญของสติปัญญา
สติปัญญาคือแหล่งข้อมูล หรือแหล่งความรู้ที่จะทำให้องค์กรเกิดการความก้าวหน้าและพัฒนา ผู้นำที่ดีต้องสามารถสร้างองค์กรให้เป็นองค์ความรู้ ด้วยการพัฒนาสมาชิกให้มีความรู้ในด้านต่างๆ อาจจะด้วยวิธีการมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้นำจะต้องเข้าใจ คือสติปัญญาเป็นองค์ประกอบหนึ่งของตัวตนมนุษย์ ดังนั้นจำเป็นที่ผู้นำจะต้องให้เกียรติ และเคารพในความคิดของเพื่อนสมาชิก จะด้วยวิธีการรับฟังและวปฏิบัติตามข้อเสนอแนะ หรือสร้างบรรยากาศการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในองค์กร
อัลเลาะห์ (ซุบหานฮูวะตะอาลา) ได้ทรงสั่งกำชับให้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ พระองค์ทรงวางรูปแบบและชี้นำ ยิ่งไปกว่านั้นทรงเลือกให้เป็นบทหนึ่งของอัลกุรอาน นั่นก็คือบทที่ว่าด้วยการปรึกษาหารือ
“ อัช-ชูรอ” และตัวอย่างหนึ่งที่ปรากฏในอายะฮฺ 159 ของ ซูเราะห์อาละ-อิมรอน ที่ว่า
( وَشَاوِرْهُمْ فِي الأَمْرِ فَإِذَا عَزَمْتَ فَتَوَكَّلْ عَلَى اللّهِ إِنَّ اللّهَ يُحِبُّ الْمُتَوَكِّلِينَ )
ความว่า : “และจงปรึกษาหารือกับพวกเขาในกิจการทั้งหลาย ดังนั้นเมื่อเจ้าเกิดความแน่วแน่มั่นใจ ก็จงมอบหมายมันต่ออัลเลาะห์ แท้จริงพระองค์ทรงรักบรรดาผู้ที่ให้การหมอบหมาย”
ดังนั้นผู้นำต้องเข้าใจว่าอิสลามได้ให้มนุษย์มีสิทธิเสรีภาพทางความคิด แต่ต้องอยู่ภายในขอบเขต ซึ่งไม่ผิดต่อหลักการทั้งสองของศาสนา คือ คัมภีร์อัลกุรอาน และวัจนะของท่านเราะสูล (ศ็อลฯ) ทั้งสองคือมรดกอันล้ำค่าที่สุดที่มีอยู่ในประชาชาติยุคนี้ และเป็นพื้นฐานแรกในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เหตุนี้เองสติปัญญาของมนุษย์ ถือได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งที่ผู้นำตระหนักและทำความเข้าใจให้ดี
2/03/2553
ผู้นำในอุดมคติ...ผู้นำผู้เข้าใจตัวตนมนุษย์ (ตอนที่ 1)
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิแด่ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก
เรามักจะได้ยินเสมอว่าคุณลักษณะของผู้นำที่ดี ก็คือคุณลักษณะของท่านเราะสูล (ศ็อลฯ) ดังในอายะฮฺที่อัลเลาะห์ (ซุบหานะฮูวะตะอาลา) ได้ทรงประทานไว้ในซูเราะห์อัลอะห์ซาบ อายะฮฺที่ 21 ซึ่งยืนยันเห็นชัดเจนว่า ต้นฉบับต่างๆไม่ว่าจะด้านใดๆก็ตาม เราสามารถดูและศึกษาจากท่านเราะสูล (ศ็อลฯ)
** لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللَّهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ **
ความว่า : “โดยแน่แท้แล้วแบบอย่างที่ดีแก่เจ้าทั้งหลาย มีอยู่ในเราะสูลของอัลเลาะห์”
ส่วนหนึ่งจากมุมมองของนักวิชาการอิสลามหลายๆท่าน แสดงให้เห็นว่าคู่มือสำคัญสำหรับการเป็นผู้นำที่ดี คือต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติสามประการ คือ หนึ่ง เป็นผู้มีจริยธรรม (อีหม่าน) และศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า สอง เป็นผู้มีความรอบรู้ (อิลมู) และสามมีความรับผิดชอบ (อามานะห์)
แต่สำหรับผมแล้วคำว่าผู้นำในอุดมคติ คือผู้นำที่เข้าใจความเป็นมนุษย์ และด้วยบทความนี้น่าจะตอบคำถามให้เราทราบว่าความเป็นมนุษย์คืออะไร มีอะไรบ้าง และสำคัญอย่างไรต่อบทบาทของผู้นำ
ความเป็นมนุษย์หรือตัวตนของมนุษย์คือสัญชาตญาณ ความคิดความรู้สึก พฤติกรรม การพูด การยอมรับ การกระทำ ความต้องการ หรืออารมณ์ และอะไรอีกมายมายที่เราเห็นได้จากมนุษย์
คนหนึ่งจะสามารถนำคนอื่นได้ดีนั้น เขาจะต้องเข้าใจถึงตัวตนของคน โดยเฉพาะกับองค์ประกอบทั้งสาม อันได้แก่ จิตวิญญาณ สติปัญญา และร่างกาย การเข้าใจนี้เอง จะทำให้เขาสามารถนำผู้ตามของเขาได้โดยง่ายดาย และเขาจะเป็นที่ยอมรับเชื่อฟัง ปฏิบัติตามตามความต้องการของกลุ่ม
จิตวิญญาณของคนเป็นสิ่งแรกที่ผู้นำต้องทำความเข้า เราจะเห็นได้ว่าในการบริหารจัดการส่วนใหญ่ ผู้นำมักจะขาดความเข้าใจในส่วนนี้ เนื่องจากว่ามีความเชื่อว่า วัตถุมีความสำคัญมากกว่า การให้เลื่อนตำแหน่ง หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่จะมัดใจสมาชิกของเขาด้วยกับค่านิยมถือว่าเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้ว แต่ลืมนึกถึงความต้องการที่แท้จริงของจิตวิญญาณมนุษย์ ทั้งที่ความจริงแล้วในทางกลับกันจิตวิญญาณมีความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด
การสร้างจิตวิญญาณร่วมของผู้นำ สามารถทำให้ผู้ร่วมงานเกิดความเป็นทีมได้อย่างลงตัว และร่วมมือกันด้วยความบริสุทธ์ใจ ซึ่งเราเห็นได้จากประวัติศาสตร์อิสลามในการเผยแพร่ศาสนาของท่านเราะสูล (ศ็อลฯ) โดยท่านเริ่มจากหลักการศรัทธา หลักความเชื่อมั่น มีวิธีการ รูปแบบชักจูงที่สามารถทำให้ผู้ถูกเรียกร้องเข้าร่วมอุดมการณ์ หรือแม้แต่ยอมเสียชีวิตตนเองเพื่อศาสนา
ส่วนหนึ่งจากวิธีการหนึ่งที่ท่านปลูกจิตวิญญาณบรรดามุสลิมให้เกิดความรู้สึกร่วมทางสังคม ดังหะดีษที่ได้รายงานโดยอบูมูซา อัลอัชอารีย์ ในหนังสือซอเหี๊ยะฮฺของท่านอิหม่ามอัลบุคอรี เลขที่ 2446 ว่า
(( المؤمن للمؤمن كالبنيان ، يشد بعضه بعضا . وشبك بين أصابعه ))
ความว่า : “ผู้ศรัทธาต่อผู้ศรัทธานั้น เปรียบเสมือนสิ่งก่อสร้างอันเดียวกัน ซึ่งบางส่วนนั้นจะยึดอยู่กับอีกบางส่วน แล้วท่านก็ได้เอานิ้วมือของท่านมาประสานกัน”
หากผู้นำเริ่มตระหนักจากจุดนี้ก่อน และเห็นคุณค่าในวิธีการดังกล่าวแล้ว แน่นอนผู้ตามจะมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของกลุ่ม ให้ความสำคัญและตระหนักในหน้าที่ของตน ก่อเกิดมิตรภาพและความสามัคคี มุ่งมั่นแสวงความโปรดปรานจากอัลเลาะห์ (ซุบหานะฮูวะตะอาลา) มากกว่าเรื่องของเงิน และเรื่องผลประโยชน์ใดๆ ...
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิแด่ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก
เรามักจะได้ยินเสมอว่าคุณลักษณะของผู้นำที่ดี ก็คือคุณลักษณะของท่านเราะสูล (ศ็อลฯ) ดังในอายะฮฺที่อัลเลาะห์ (ซุบหานะฮูวะตะอาลา) ได้ทรงประทานไว้ในซูเราะห์อัลอะห์ซาบ อายะฮฺที่ 21 ซึ่งยืนยันเห็นชัดเจนว่า ต้นฉบับต่างๆไม่ว่าจะด้านใดๆก็ตาม เราสามารถดูและศึกษาจากท่านเราะสูล (ศ็อลฯ)
** لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللَّهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ **
ความว่า : “โดยแน่แท้แล้วแบบอย่างที่ดีแก่เจ้าทั้งหลาย มีอยู่ในเราะสูลของอัลเลาะห์”
ส่วนหนึ่งจากมุมมองของนักวิชาการอิสลามหลายๆท่าน แสดงให้เห็นว่าคู่มือสำคัญสำหรับการเป็นผู้นำที่ดี คือต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติสามประการ คือ หนึ่ง เป็นผู้มีจริยธรรม (อีหม่าน) และศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า สอง เป็นผู้มีความรอบรู้ (อิลมู) และสามมีความรับผิดชอบ (อามานะห์)
แต่สำหรับผมแล้วคำว่าผู้นำในอุดมคติ คือผู้นำที่เข้าใจความเป็นมนุษย์ และด้วยบทความนี้น่าจะตอบคำถามให้เราทราบว่าความเป็นมนุษย์คืออะไร มีอะไรบ้าง และสำคัญอย่างไรต่อบทบาทของผู้นำ
ความเป็นมนุษย์หรือตัวตนของมนุษย์คือสัญชาตญาณ ความคิดความรู้สึก พฤติกรรม การพูด การยอมรับ การกระทำ ความต้องการ หรืออารมณ์ และอะไรอีกมายมายที่เราเห็นได้จากมนุษย์
คนหนึ่งจะสามารถนำคนอื่นได้ดีนั้น เขาจะต้องเข้าใจถึงตัวตนของคน โดยเฉพาะกับองค์ประกอบทั้งสาม อันได้แก่ จิตวิญญาณ สติปัญญา และร่างกาย การเข้าใจนี้เอง จะทำให้เขาสามารถนำผู้ตามของเขาได้โดยง่ายดาย และเขาจะเป็นที่ยอมรับเชื่อฟัง ปฏิบัติตามตามความต้องการของกลุ่ม
จิตวิญญาณของคนเป็นสิ่งแรกที่ผู้นำต้องทำความเข้า เราจะเห็นได้ว่าในการบริหารจัดการส่วนใหญ่ ผู้นำมักจะขาดความเข้าใจในส่วนนี้ เนื่องจากว่ามีความเชื่อว่า วัตถุมีความสำคัญมากกว่า การให้เลื่อนตำแหน่ง หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่จะมัดใจสมาชิกของเขาด้วยกับค่านิยมถือว่าเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้ว แต่ลืมนึกถึงความต้องการที่แท้จริงของจิตวิญญาณมนุษย์ ทั้งที่ความจริงแล้วในทางกลับกันจิตวิญญาณมีความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด
การสร้างจิตวิญญาณร่วมของผู้นำ สามารถทำให้ผู้ร่วมงานเกิดความเป็นทีมได้อย่างลงตัว และร่วมมือกันด้วยความบริสุทธ์ใจ ซึ่งเราเห็นได้จากประวัติศาสตร์อิสลามในการเผยแพร่ศาสนาของท่านเราะสูล (ศ็อลฯ) โดยท่านเริ่มจากหลักการศรัทธา หลักความเชื่อมั่น มีวิธีการ รูปแบบชักจูงที่สามารถทำให้ผู้ถูกเรียกร้องเข้าร่วมอุดมการณ์ หรือแม้แต่ยอมเสียชีวิตตนเองเพื่อศาสนา
ส่วนหนึ่งจากวิธีการหนึ่งที่ท่านปลูกจิตวิญญาณบรรดามุสลิมให้เกิดความรู้สึกร่วมทางสังคม ดังหะดีษที่ได้รายงานโดยอบูมูซา อัลอัชอารีย์ ในหนังสือซอเหี๊ยะฮฺของท่านอิหม่ามอัลบุคอรี เลขที่ 2446 ว่า
(( المؤمن للمؤمن كالبنيان ، يشد بعضه بعضا . وشبك بين أصابعه ))
ความว่า : “ผู้ศรัทธาต่อผู้ศรัทธานั้น เปรียบเสมือนสิ่งก่อสร้างอันเดียวกัน ซึ่งบางส่วนนั้นจะยึดอยู่กับอีกบางส่วน แล้วท่านก็ได้เอานิ้วมือของท่านมาประสานกัน”
หากผู้นำเริ่มตระหนักจากจุดนี้ก่อน และเห็นคุณค่าในวิธีการดังกล่าวแล้ว แน่นอนผู้ตามจะมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของกลุ่ม ให้ความสำคัญและตระหนักในหน้าที่ของตน ก่อเกิดมิตรภาพและความสามัคคี มุ่งมั่นแสวงความโปรดปรานจากอัลเลาะห์ (ซุบหานะฮูวะตะอาลา) มากกว่าเรื่องของเงิน และเรื่องผลประโยชน์ใดๆ ...
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)